7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังพ่อแม่และไม่ต่อต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[Prichas]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่พวกเราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เกิดเรื่องย ากมากมาย เนื่องจากว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตัวเอง บางครั้งบางคราวก็สนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามากยิ่งกว่า


บางคราวลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่บิดามารดาต้องการสักเท่าไรนัก


ด้วยเหตุนี้ก็เลยใช้แนวทางการทำหูทวนลม ละเลยต่อคำกล่าวของบิดามารดา แล้วก็มันบางทีอาจนำมาสู่ การมีปัญหากันได้

1. กล่าวหาอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

ถ้าหากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางคราวอาจเกิดจากกำลังโก รธ เสียใจ

หรืออยากให้บิดามารดาเอาใจ สิ่งที่ควรทำ คือ พูดคุยรวมทั้ง หาคำตอบ ว่าเพราะอะไรเพราะอะไร

ลูกไม่เชื่อฟังแล้วก็บอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีพ่อแม่อยู่ด้านข้างเสมอนะ

รวมทั้งดังนี้พึงสังเกตทัศนคติวิธีคิดด้วย รวมทั้งการพูดของลูก ก็เพื่อเข้าใจลูกมากเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้เทคนิคแบบเข้าใจง่ายๆ

เนื่องจากว่าเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมไม่เข้าใจ สิ่งที่ควรจะทำนั้นเป็น

ใช้เคล็ดวิธีสอนเขา ให้จำง่ายมากยิ่งขึ้น ได้แก่ มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ติ หรือ กล่าวให้ตื่นเต้น


อย่างเช่น วันนี้ทำอะไรที่สถานศึกษาบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม เพราะทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม ดังเช่นว่า ห้ ามดื้อ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น แม่ถูกใจลูก ในขณะที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยนะ

นอกนั้น บิดามารดาบางทีอาจเปลี่ยนมาใช้การให้ค่ะแน น เพื่อลูกมีเป้าหมาย ในการเชื่อฟังมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำกล่าว สายตาที่ความรัก

เมื่อไรที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ไหวที่จะตะคอ กลูก จากคำกล่าวแร งๆของคุณ

อีกทั้งไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย รวมทั้งการเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะทำให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ ทว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำหมายถึงเริ่มจากดึงความพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำกล่าวกล้วยๆให้ลูกทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ไม่ดุดัน

ให้คุณลองแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น ขจัดปัญหาจะดีกว่านะ นอ กจากคำบอกเล่ากับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บอกกับเขาดีๆพูดด้วยสายตาแห่งความรัก แล้วคุณจะเข้าหัวใจลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เนื่องจากบางคราว สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็มิได้ถูกเสมอไปหรอกนะ เพราะเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และสิ่งที่ควรจะทำหมายถึงถามให้ทราบดีว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


และมีอะไรอยู่ในใจ แล้วต่อจากนั้นต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพูด เพื่อช่วยให้ลูกผ่อ นคล า ยความกังวลได้

5. สอนด้วย การมีกติกา ระหว่างกัน

แต่ทว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ชอบ ที่รังเกียจของตนเช่นกันนะ และบ่อยมาก ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่รังเกียจ นานจนถึงลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง แล้วก็สิ่งที่ควรทำนั้นหมายถึงเด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยที่การต่ อต้ าน

โดยเหตุนี้ ทดลองให้ข้อแนะนำ เพื่อเป็นกติการ่วมกันมองสิ เพื่อลดการเถียงหรือการเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในตอนวัยเด็ ก เขามักจะลอ กเลียนแบบ พฤติก ร ร มของคนสนิท

และไม่สามารถแยกประเภทได้ ว่าอะไรไม่ควร อะไรควรจะ มันจึงทำให้หลายหนลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของผู้ใหญ่ เมื่อถูกตำหนิและว่ากล่าวลูกจึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุไรบิดามารดายังทำเป็นเลยล่ะ

รวมทั้งกระบวนการทำให้ลูกเกิดความข้องใจ รวมทั้งบิดามารดาไม่ชี้แจงนั้น มันก็เป็นสาเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังบิดามารดา และสิ่งที่ควรจะทำนั้นเป็นลูกทำความเข้าใจจาก

พฤติกรรมได้ดีมากยิ่งกว่าคำบอกเล่า เพราะว่างั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจะเป็นตัวอย่ างให้ลูกเห็น ว่าอะไรทำเป็น อะไรไม่สมควรที่จะทำ

7. สอนลูก ใช้สมอง แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

เนื่องจากประโยคคำบัญชานั้น มันก็ทำให้ลูกมีความคิดว่า ตนเองไม่ได้การเอาซะเลยจ๊า

ทำอะไรก็ไม่ดี ดังนี้มันก็มีผลต่อให้ลูกปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น ทั้งยังอาจแปลงเป็นคนยังไม่แน่ใจไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรทำนั้นหมายถึงต้องฝึกให้ลูกใช้ความคิดและก็แก้ปัญหาด้วยตัวเอง

ดังเช่น ไหนลูกทดลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ และนอกจากนั้นควรจะหา

กิจก ร ร มบันเทิงใจๆทำร่วมกันกับลูกเมื่อคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ มองเห็นลูกทำไม่ถูก


จะได้สอนลูกให้คิดแก้ไขปัญหา แทรกเรื่องของศีลธรรม จริยธรรมไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
เชื่อฟัง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/
คำค้นหา : ไม่ต่อต้าน