การอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและก็สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเป็นภารกิจสำคัญในยุคที่โลกกำลังพบเจอกับสภาวะโลกร้อนและก็ความเคลื่อนไหวสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหนึ่งในทรัพยากรที่มีหน้าที่สำคัญสำหรับการดูดซึมคาร์บอนและก็รักษาความสมดุลของระบบนิเวศคือป่าไม้ การทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ forest classification หรือการจำแนกแยกแยะของป่าไม้ก็เลยเกิดเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะว่าช่วยทำให้สามารถกำหนดแผนการจัดการ ดูแล และฟื้นฟูป่าได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในระบบการวัดคาร์บอนเครดิต การประมาณความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งการกำหนดนโยบายด้านสภาพแวดล้อมในระดับเขตแดน ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับโลก
(https://cdn.prod.website-files.com/6721e4d42a6469aa1d3abf88/675f7efa4cd1b3aa75dc128e_banner.webp)
เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ >> forest classification https://carbonwatch.earthinsights.net/articles/what-is-carbonwatch (https://carbonwatch.earthinsights.net/articles/what-is-carbonwatch)
Forest classification คือกรรมวิธีจัดหมวดหมู่ป่าดงออกเป็นหมวดหมู่ตามคุณสมบัติเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ชนิดของไม้ พื้นที่ตั้ง ระดับความสูง ลักษณะภูมิอากาศ ความชื้นในดิน ความหนาแน่นของพืชพันธุ์ ตลอดจนส่วนประกอบทางชีวภาพแล้วก็กายภาพอื่นๆซึ่งแต่ละระบบการแบ่งแยกอาจมีกระบวนการนาๆประการขึ้นกับจุดหมายของการใช้ข้อมูล ดังเช่นว่า การจัดการทรัพยากร การวัดระบบนิเวศ หรือการคาดคะเนศักยภาพในการซับคาร์บอน โดยธรรมดา การแบ่งแยกป่าสามารถแบ่งได้เป็นหลายหมวดหมู่หลัก ตัวอย่างเช่น ป่าดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง ป่าสน ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าเบญจพรรณ และป่าทุ่ง ซึ่งแต่ละชนิดมีความมากมายทางชีวภาพและคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน
ในเชิงระบบนิเวศ forest classification (https://carbonwatch.earthinsights.net/articles/what-is-carbonwatch) มีความหมายเป็นอย่างมากต่อการวางแผนสงวนแล้วก็ฟื้นฟูระบบธรรมชาติ เนื่องจากว่าป่าแต่ละจำพวกมีบทบาทสำหรับการรองรับสปีชีส์ที่แตกต่าง รวมถึงมีความเข้าใจสำหรับเพื่อการดูดซึมรวมทั้งเก็บกักคาร์บอนในระดับที่แตกต่างกันด้วย เช่น ป่าดิบชื้นเขตร้อนมักมีความหนาแน่นของพืชพันธุ์ไม้สูงแล้วก็สามารถซึมซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าชนิดอื่น ในระหว่างที่ป่าพรุมีการเก็บกักคาร์บอนในรูปแบบของอินทรียวัตถุในดิน จึงมีหน้าที่สำคัญสำหรับเพื่อการลดการปลดปล่อยแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยเหตุนี้การทราบดีว่าแต่ละพื้นที่เป็นป่าประเภทใดจะช่วยทำให้สามารถคำนวณค่าคาร์บอนเครดิตจากป่าได้อย่างเที่ยงตรงและสอดคล้องกับหลักสากล
ในด้านการจัดการทรัพยากร forest classification ยังช่วยกำหนดกรรมวิธีการใช้งานแล้วก็การควบคุมพื้นที่ป่าให้เหมาะสมกับรูปแบบของแต่ละชนิด อาทิเช่น ป่าสงวนที่เป็นแหล่งต้นน้ำควรจะได้รับการคุ้มครองเข้มงวดมากกว่าป่าผลัดใบที่บางทีอาจสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้บางส่วน การใช้การแบ่งป่าสำหรับในการจัดเขตการใช้ที่ดินจึงเป็นแถวทางสำคัญที่ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างการอนุรักษ์และรักษาและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และก็ยังช่วยกำหนดแผนการฟื้นฟูพื้นที่ย่ำแย่ให้กลับมามีสภาพใกล้เคียงธรรมชาติอย่างที่เคย
นอกนั้น forest classification ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยด้านสภาพแวดล้อมรวมทั้งการจัดทำข้อมูลภูมิสารสนเทศ เป็นต้นว่า การเขียนแผนที่ป่าดง การใช้รูปถ่ายดาวเทียม การสำรวจพื้นที่ด้วยระบบ GIS ซึ่งข้อมูลพวกนี้ไม่เพียงแค่ช่วยสำหรับการวางแผนสงวนและจัดการแค่นั้น แม้กระนั้นยังเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการประเมินผลกระทบของโครงงานต่างๆทั้งในด้านการก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน การทำเหมือง หรือการพัฒนาเมือง การมีระบบการแบ่งแยกป่าที่ถูกต้องจึงช่วยทำให้สามารถประมวลผลกระทบต่อระบบนิเวศได้อย่างถูกต้องและรอบด้าน
สำหรับในการวัดรวมทั้งประเมินคาร์บอนเครดิต forest classification มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดประสิทธิภาพในการซับคาร์บอนของแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีผลต่อความน่าวางใจของโครงงานที่อ้างอิงจากป่าเป็นหลัก ดังเช่นว่า แผนการ REDD+ ที่เน้นย้ำการลดการทำลายป่าและเพิ่มพื้นที่ป่าใหม่ ถ้าเกิดว่าไม่มีการแยกประเภทป่าอย่างถูกต้อง การประเมินค่าคาร์บอนที่ลดได้บางทีอาจเกิดความคลาดเคลื่อนกระทั่งกระทบต่อความน่านับถือของแผนการและก็การซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดโลก
การพัฒนา forest classification อย่างสม่ำเสมอก็เลยมีความสำคัญ โดยในตอนนี้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วย ได้แก่ การใช้ AI พินิจพิจารณาภาพถ่ายทางอากาศ การใช้โดรนสำรวจความมากมายหลากหลายของพืชพันธุ์ในป่า การใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับการพินิจพิจารณาความเกี่ยวพันระหว่างชนิดป่ากับปริมาณคาร์บอนที่เก็บกักได้ ตลอดจนการใช้ฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานระดับสากลเพื่อตั้งมาตรฐานที่ใช้ได้ในสุดยอด ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้การจัดทำ forest classification มีความเที่ยงตรงเยอะขึ้นแล้วก็สามารถนำไปดัดแปลงในบริบทต่างๆได้อย่างมีคุณภาพ
เว้นแต่มิติด้านวิชาการและก็วิธี forest classification ยังเชื่อมโยงกับมิติทางด้านสังคมและวัฒนธรรมด้วย เพราะป่าหลายประเภทมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชุมชนเขตแดน ตัวอย่างเช่น ป่าชุมชน ป่าใช้สอย ป่าศักดิ์สิทธิ์ หรือป่าที่ใช้เป็นแหล่งสมุนไพร การจำแนกป่าก็เลยไม่ใช่เพียงแค่การแบ่งตามสภาพธรรมชาติเท่านั้น แม้กระนั้นยังจำเป็นต้องนึกถึงคุณประโยชน์ทางด้านวัฒนธรรมและจิตใจของคนเราในพื้นที่ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การจัดการป่าเป็นไปอย่างมีส่วนร่วมและยืนนานในระยะยาว
ในรูปภาพรวม forest classification เป็นกลไกเบื้องต้นที่มีบทบาทอย่างมากต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นระบบ ช่วยให้สามารถกำหนดแผนการสงวน การบูรณะ การวัดผลกระทบทางสภาพแวดล้อม ตลอดจนการคำนวณคาร์บอนเครดิตจากป่าได้อย่างแม่นยำตามหลักวิชาการ การพัฒนาแล้วก็เปลี่ยนแปลงระบบการจำแนกป่าให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันนี้ก็เลยเป็นภารกิจที่สำคัญ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในสมัยที่สภาพแวดล้อมอยากได้การดูแลอย่างเร่งด่วนและก็มีประสิทธิภาพมากที่สุด
(https://i.postimg.cc/cCxG1XWY/image.png)
ขอบคุณสำหรับที่มา บทความ forest classification https://carbonwatch.earthinsights.net/articles/what-is-carbonwatch (https://carbonwatch.earthinsights.net/articles/what-is-carbonwatch)