• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Joe524, April 05, 2023, 08:02:36 AM

Previous topic - Next topic

Joe524

1. ด้วยเหตุว่าพวกเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน บ่อยครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะมีผลให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น แล้วก็ เพิ่มความแน่ใจ เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เรากลัวเกรงที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นนายจ้าง คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน คอยสั่งคนนู้นหนคนนี้ครั้ง แต่ว่าพอได้มองดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมิได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่แค่ออกหน้าชอบบ่นแบบเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

เพียงแค่พวกเราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องผู้ใดที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

คนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนี้นอกจากจะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย สหายเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราณพด้วย เพราะเหตุว่า โดยมากคนภายในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พอใจ เอาใจใส่ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาริษยา

ตอนปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนฝูงเราผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางครั้งพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แม้กระนั้นบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดียิ่งกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนพ้องคนไม่ใช่น้อยบางทีก็อาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ดีว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบว่าจุดหมายปลายทางพวกเราต้องการอะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราขมักเขม้นกับชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่ าเก็บมาตั้งใจจนกลุ้มใจเพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แสดงว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงใจกับคนใดกันแน่ แม้กระนั้น... แปลว่า " เราไม่ใฝ่ใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากๆ) จำนวนมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียทีเลยคะ มีคนรอซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราดีกว่ามากมายๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินการกับใคร โดยเหตุนี้ อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากยิ่งกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้เราจะรู้สึกกดดันสำหรับในการดำเนินงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าเรื่องมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกหัดไปเรื่อยๆโดนดุด่าตอนนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50 เยอะ หากแม้จะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนใหญ่พร้อมจะให้อภัยเราเสมอ เพราะฉะนั้น ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่แท้ใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากแล้วก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบนี้ เรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ

สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาสหายย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องแท้จริงจิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากแค่ไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ด้วยเหตุดังกล่าววันๆเราก็เลยจะเจอแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งโดยมากและก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ เราคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น คุยแลกความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราลองถามตนเองว่า "ถ้าหากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากไปถึงเป้าหมาย แล้วก็ แฮปปี้ ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ว่าทำย ากนะ ด้วยเหตุว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงงานจำนวนหนึ่ง " ซึ่งก็นับได้ว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากเราแลกเปลี่ยนกับค่าแรงนั้นๆ

เราจะต้องทราบดีว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดียิ่งกว่าที่บริษัทคาดหมายถ้าเกิดปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราแฮปปี้แล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตนออกมาให้มากที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดท้ายที่สุดเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าจ้างจนกระทั่งเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูข้างหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในตอนนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสำราญของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/
คำค้นหา : ลูกจ้าง